Last updated: 7 ส.ค. 2562 |
วันที่ 17 พฤษภาคม 2562 - 16:30 น.
กัญชาไม่ได้ดีสำหรับทุกช่วงอายุเสมอไป... คำนี้อาจจะอธิบายได้ว่า
เด็กและวัยรุ่นมีสิ่งที่น่าห่วงมากที่สุดก็คือ ระบบความคิดของสมองที่ยังพัฒนาไม่สุดจนกว่าจะเข้าสู่ช่วงการเป็นผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในเรื่องของการหักห้ามตนเอง อาจกล่าวรวมไปถึงการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ แม้ว่าในบางกรณีประโยชน์ของมันมีมากกว่าความเสี่ยง แต่ทว่านักวิจัยยังต้องมุ่งเน้นการทำวิจัยเรื่องความปลอดภัยของการใช้กัญชาในเด็กและวัยรุ่นมากขึ้น
กัญชา กับ ระบบการพัฒนาสมอง
การพัฒนาสมองนั้นเริ่มจากระบบลิมบิกหรือสมองส่วนอารมณ์และความรู้สึก ก่อนจะขยายต่อไปสู่สมองส่วนหน้าหรือส่วนที่รับผิดชอบด้านเหตุและผล ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมการลิ้มลองกัญชาในวัยรุ่นเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นจากอารมณ์มากกว่าการใช้เหตุและผล
หากระบบการเจริญเติบโตของสมองทางกายภาพถูกขัดขวางในช่วงเวลาวัยรุ่น การสร้างจุดประสานของประสาทก็จะถูกกระทบและเกิดปัญหาตามมา ยิ่งเด็กวัยรุ่นเริ่มใช้กัญชามากเท่าไหร่ การเจริญเติบโตของกระบวนการรู้คิดของเขายิ่งแย่มากเท่านั้น
วัยรุ่นที่เริ่มสูบกัญชาในช่วงต้นของการเป็นวัยรุ่นจะแสดงถึงความสามารถในการเรียนและความจำที่แย่ โดยในทางกลับกัน งานวิจัยเรื่องการใช้กัญชาทางการแพทย์ในเด็กเริ่มมีสัญญาณบวกที่มากขึ้น แต่ก็ยังมีหลายแง่มุมของหัวข้อนี้ที่ยังต้องการงานวิจัยและการทดลองเพื่อยืนยันประโยชน์ของกัญชาทางการแพทย์ในเด็ก
กัญชา กับ โรคสมาธิสั้นในเด็ก
กัญชาทางการแพทย์ช่วยลดอาการคลื่นไส้และอาเจียนในเด็กผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด อีกทั้งมันยังช่วยควบคุมและลดจำนวนอาการชักในเด็กที่มีโรคลมชักอีกด้วย จากประสบการณ์และการบอกเล่าของผู้ป่วยกัญชาทางการแพทย์ สามารถเป็นทางเลือกในการรักษาโรคสมาธิสั้น ซึ่งจากนิตยสารฉบับพิเศษของ TIME กัญชา การเคลื่อนไหวทางการแพทย์ คุณแม่ท่านหนึ่งวัย 47 ปีที่มีลูกชายอายุ 11 ปีได้เล่าประสบกาณ์ว่า
“ดิฉันได้ความคิดที่จะใช้กัญชาเพื่อรักษาลูกชายผู้เป็นโรคสมาธิสั้นหลายปีก่อน ดิฉันได้ปรึกษาหมอของลูกชายและได้ทดลองใช้น้ำมันซีบีดีที่สกัดจากกัญชาทันทีที่หมอคำนวณปริมาณที่เหมาะสม ดิฉันคิดว่าหากมันช่วยก็ดี หากไม่ช่วยก็ดูเหมือนมันไม่ได้มีอาการข้างเคียงที่ร้ายแรง ดิฉันหยดน้ำมันใต้ลิ้นของลูกทุกวันและเราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ ในระยะ 6 อาทิตย์ จากลูกชายผู้ที่ทรมานจากอาการตื่นกลัวซึ่งเป็นอาการปกติของโรคสมาธิสั้น เขากลับนิ่งลงและมีความสุขมากขึ้น เขานอนหลับมากขึ้น กินได้มากขึ้น จากที่ดิฉันไม่เคยสามารถพาเขาไปดูหนังข้างนอกได้ แม้แต่จะให้เขานั่งนิ่ง ๆ เวลาเรากินข้าวกันก็ทำไม่ได้ เขามักจะยุกยิก อยู่ไม่นิ่งตลอดเวลา แต่ตอนนี้เขาสามารถนั่งคุยสนทนาหรือหยิบการบ้านออกมาทำโดยที่ไม่ต้องให้เตือน แม้ว่ากัญชาทางการแพทย์จะช่วยเขาได้มากแต่มันยังไม่สามารถช่วยเขาในเรื่องการจดจ่อที่โรงเรียนได้มากนัก หมอท่านอื่นได้แนะนำสารสกัดทีเอชซีที่จะช่วยในเรื่องนี้ แต่ดิฉันยังไม่รู้สึกสบายใจที่จะลองใช้มัน แต่ดิฉันก็ยังเชื่อว่ามันสมเหตุสมผลสำหรับพ่อแม่ที่มีลูกที่เป็นโรคสมาธิสั้นที่จะลองน้ำมันซีบีดี จากประสบการณ์ของดิฉันมันเปลี่ยนโลกของดิฉันเลย”
แม้ว่ากัญชาทางการแพทย์จะฟังดูเหมือนเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ป่วยเด็กและวัยรุ่น แต่ในหลายๆ โรคและกลุ่มอาการ กัญชาก็ยังคงเป็นเหมือนดาบสองคมสำหรับเด็กและวัยรุ่นที่ยังไม่มีพัฒนาการของสมองที่สมบูรณ์ ซึ่งกัญชาทางการแพทย์ก็ยังคงมีข้อจำกัดในเรื่องของข้อมูลงานวิจัย การเลือกใช้สารในกัญชาที่เหมาะสมกับการรักษาแต่ละโรค ทั้งการควบคุมจำนวนและข้อบังคับอื่นๆ อีกมากมาย ที่ยังต้องการ การรับรองทางการแพทย์และงานวิจัยเข้ามามีส่วนในการควบคุมการใช้ เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์และความปลอดภัยใน เด็กและวัยรุ่นให้มากที่สุด
ข้อมูลจาก
คอลัมน์: Keeping Kids Safe โดย Jeffrey Kluger / คอลัมน์: "I Use Pot for My Health"/Amy / หนังสือ: นิตยสารฉบับพิเศษ Time - Marijuana The Medical Movement
ไม่พลาดทุกข่าวสารสำคัญ เพียงแค่กดเป็นเพื่อน LINE @CANNHEALTH